หลักการและเหตุผล

หลายคนคงจะเคยสังเกตตนเองหรือคนรอบข้าง เมื่อพบกับปัญหาแต่ละคนจะมีปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไป โดยบางคนจะเอาแต่บ่น ท้อ บอกว่าเราทำไม่ได้ ขณะที่บางคนมองว่าปัญหาคือความท้าทาย และลงมือสู้กับปัญหาด้วยความเชื่อมั่นว่าจะเอาชนะมันให้ได้ ซึ่งคนประเภทแรกนั้นคือพวกคิดลบ ซึ่ง ดร.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า ผู้ที่คิดลบบ่อยๆ ก็เหมือนกับการกินยาพิษทุกวัน เป็นการบ่อนทำลายตนเองและคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว เพราะใครที่อยู่ใกล้คนคิดลบจะรู้สึกหดหู่ ซึมเศร้า ตรงข้ามกับคนประเภทหลังที่เป็นพวกคิดบวก ซึ่งบุคลิกภาพและพฤติกรรมจะเต็มไปด้วยพลังในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างล้นเหลือ ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้คนคิดบวกจะรู้สึกอบอุ่น มีกำลังใจ คนส่วนใหญ่ล้มเหลวเพราะไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติได้ ส่วนใหญ่ที่เราแพ้ เราแพ้เพราะตัวเอง

แม้ว่าการคิดบวกจะไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถฝึกให้เป็นนิสัยได้ เพราะขึ้นชื่อว่านิสัยแล้ว ไม่ว่าดีหรือไม่ดีล้วนเกิดจากความเคยชินทั้งสิ้น ดังนั้นการคิดบวกก็เป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนได้เช่นกัน โดยก่อนอื่นลองถามตัวเองก่อนว่าต้องการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ไหม ถ้าคำตอบคือ ?ใช่? ก็ต้องเปลี่ยนกระบวนความคิด “คนที่คิดบวก จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจแก่คนรอบข้าง ดังนั้นแทนที่เราจะนั่งด่ากัน สู้ลุกขึ้นมาช่วยกันทำความดีจะดีกว่าไหม” 

การนำด้วยการคิดบวกในองค์กรมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมันสามารถส่งผลดีต่อทั้งผู้บริหาร ทีมงาน และองค์กรโดยรวม การคิดบวกช่วยสร้างแรงจูงใจและความมุ่งมั่นในการทำงาน เมื่อผู้นำมองเห็นโอกาสในทุกสถานการณ์ ทีมงานจะมีความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับงานมากขึ้น ผู้นำที่มีทัศนคติเชิงบวกสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตรและสนับสนุนกัน สิ่งนี้ช่วยลดความขัดแย้งภายในทีมและส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

บรรยากาศการทำงานที่ส่งเสริมทัศนคติเชิงบวกก็ช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ บุคลากรจะรู้สึกมีคุณค่าและพร้อมที่จะเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ตลอดจนมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น แทนที่จะมองการเปลี่ยนแปลงเป็นภัยคุกคาม พวกเขาจะมองว่าเป็นโอกาสในการเติบโตและพัฒนา

โดยสรุป การนำด้วยการคิดบวกช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีม หรือการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ส่งผลให้องค์กรสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว

เนื้อหาอบรม

1. Introduction to Positive Mindset

1.1 เข้าใจธรรมชาติมนุษย์

1.2 ทักษะการคิดและความสำคัญของทัศนคติเชิงบวกในการนำทีม

1.3 ตระหนักความร้ายแรงการคิดลบ และผลดีของความคิดเชิงบวกต่อความสำเร็จ

***Worshop01 กิจกรรมการสำรวจความคิด (Self-Reflection Activity) 

2. การพัฒนาการคิดเชิงบวกในตัวเอง

เทคนิคการพัฒนาทัศนคติเชิงบวกในตัวเอง

การจัดการอารมณ์และการคิดเชิงบวก

การนำทัศนคติเชิงบวกไปใช้ในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหา

เทคนิคภาคปฎิบัติ ปรับตัว เติมพลัง เพื่อเตรียมพร้อมกับการคิดบวกเมื่อต้องพบกับความล้มเหลว

***Worskshop 02  กิจกรรมเสริมสร้างพลังบวก (Positive Thinking Skill Practie)

3. การทำงานเป็นทีมด้วยทัศนคติเชิงบวก 

การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพด้วยทัศนคติเชิงบวก (Effective Communication)

การให้และรับข้อเสนอแนะแบบสร้างสรรค์และสนับสนุน (Positive Feedback)

การจัดการกับความขัดแย้งด้วยทัศนคติเชิงบวกบ

เทคนิคการจัดการกับความเครียดและปัญหาด้วยวิธีคิดเชิงบวก

***Workshop 03   กิจกรรมสถานการณ์จำลอง (Role-Playing Scenarios & Positive Energy Boost) 

4. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมทัศนคติเชิงบวก

ร่วมกำหนดค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนทัศนคติเชิงบวก

การเป็นแบบอย่างที่ดีในการนำด้วยทัศนคติเชิงบวก

การวางแผนและติดตาม ประเมินผลผลการนำด้วยทัศนคติเชิงบวก

Worshop 04   กิจกรรมการออกแบบ "วันที่มีความสุขในที่ทำงาน" (Designing a Happy Workday)

#ทัศนคติเชิงบวก #PositiveMindset #LeadershipSkills #EmployeeEngagement #Teamwork #PositiveThinking #CorporateTraining #WorkplaceCulture #OrganizationalDevelopment #Motivation #LeadershipDevelopment #PositiveEnergy #EffectiveLeadership #MindsetForSuccess #TeamManagement #BusinessTraining #การพัฒนาผู้นำ #ทัศนคติบวก #การฝึกอบรม #ผู้นำองค์กร #เพิ่มประสิทธิภาพ #การทำงานเป็นทีม #การบริหารงาน #สร้างแรงบันดาลใจ #leadership #ทักษะผู้นำ #ศูนย์ฝึกอบรมไอเอฟดี #สถาบันอนาคตศึกษา #อนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา #ที่ปรึกษาไอเอฟดี #IFD #การพัฒนาอนาคต #การพัฒนาศักยภาพ #การเรียนรู้และการพัฒนา #การฝึกอบรม #การพัฒนาทักษะ #ที่ปรึกษาด้านอนาคต #โครงการพัฒนา #การศึกษาเพื่ออนาคต #การคิดเชิงระบบ #พัฒนาศักยภาพบุคลากร #ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ